คอนเทนต์ 5 ประเภท สำหรับการตลาดยุคนี้
ปัจจุบันการตลาดที่เน้นการสร้างเนื้อหา หรือที่มักเรียกกันติดปากว่า การสร้าง คอนเทนต์ (Content) นั้น จะบอกว่า หากคิดที่จะทำแต่คอนเทนต์ให้เยอะๆ เพียงอย่างเดียวก็คงไม่เพียงพอ ผู้ประกอบการอย่างเรานั้น จะต้องมุ่งเน้นในการสร้างเนื้อหาที่เป็นประโยชน์แก่ผู้ชมของเราด้วยเช่นกัน เพื่อสร้างความน่าสนใจและความเชื่อมั่น ความไว้วางใจในแบรนด์ของเรานั่นเอง
ซึ่งอาจจะฟังดูง่าย แต่จริงๆแล้วก็คือ การเลือกประเภทของเนื้อหาให้เหมาะสมกับการตลาดดิจิทัลนั้น เป็นเรื่องของศิลปะมากกว่าที่จะเป็นเรื่องของวิทยาศาสตร์เสียอีก
กระบวนการบางอย่าง ที่ใช้กับแบรนด์หนึ่งได้ผลอย่างมหาศาล แต่กลับใช้ได้ไม่ดีเลยกับอีกแบรนด์หนึ่งที่มีสินค้าหรือบริการใกล้เคียงกันก็มีเยอะแยะมากมาย หรือบางแบรนด์พอนำไปใช้แล้ว ต้องเรียกว่าล้มเหลวโดยสิ้นเชิงเลยก็มีเหมือนกัน
การสร้างคอนเทนต์ ก็คือการสร้างเนื้อหาสาระหรือความรู้ในมุมต่างๆ ของคุณหรือธุรกิจของคุณขึ้นมา ซึ่งส่วนใหญ่ไม่ได้มีจุดประสงค์ในการขายสินค้าโดยตรงเท่าไหร่ และหากไม่ได้ทำการวางแผนในการสร้างคอนเทนต์ไว้ก่อนอย่างดี จุดนี้อาจทำให้คอนเทนต์ของเราสื่อสารออกไปได้ไม่ชัดเจนก็ได้
ดังนั้นในบทความนี้ เราจะมาลองแบ่งคอนเทนต์ออกเป็นหมวดหมู่ง่ายๆ 5 หมู่ ให้เราสามารถแบ่งแยกประเภทของคอนเทนต์กันได้นั่นเอง
1 Blog Content Marketing
Blog (บล็อก) เป็นการสร้างเนื้อหาสำหรับการตลาดรูปแบบหนึ่งบนเว็บไซต์ (Website) (เว็บไซต์ของวิถีเถ้าแก่เองก็จัดเป็น Web Blog ประเภทหนึ่งด้วยเหมือนกัน)
จากสถิติแล้ว กว่า 86% ของการทำการตลาด (The State of Content Marketing Report 2019: Global Report)) Blog ยังคงเป็นคอนเทนต์ประเภทหนึ่งที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก
โดยทั่วไปแล้ว Blog หรือ บล็อก จะสามารถสร้าง Link ที่เชื่อมโยงไปยัง Website ของธุรกิจตนเองได้มากขึ้นกว่า 97% ซึ่งทำให้เกิด Traffic เข้า Website แบบได้ผลดีมากๆ และนั่นก็เป็นเหตุผลที่ทำให้ Blog เป็นที่นิยม เพราะเป็นประเภทของคอนเทนต์ที่มีต้นทุนต่ำและได้ผลลัพธ์ที่ดีมากๆ ประเภทหนึ่งเลยนั่นเอง
สำหรับการทำ Blog หัวข้อที่เราจะทำนั้น ไม่ได้จำเป็นว่าจะต้องเป็นการขายสินค้าเท่านั้น แต่เรายังสารมารถสร้างเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับการสินค้าในมุมอื่นๆ ได้อีกด้วย
สุดท้ายแล้ว ผู้คนที่เข้ามาอ่าน Blog ของเรา ก็จะสามารถทราบได้ว่า ผู้ประกอบการอย่างเรา ธุรกิจของเรา หรือสินค้าและบริการของเรานั้นสามารถตอบโจทย์ความต้องการของพวกเขาได้อย่างไรบ้าง ซึ่งก็เป็นการสร้างประสบการณ์ให้กับแบรนด์ได้ดีมากๆ รูปแบบหนึ่งเลยทีเดียว
2 Infographic Content Marketing
Infographic คือประเภทของงานกราฟิกรูปแบบหนึ่งที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายสำหรับการทำคอนเทนต์บนโลกใบนี้ เนื่องด้วยความที่ Infographic เป็นภาพที่เน้นการสื่อสารที่เน้นไปทางข้อสรุปผล ผลลัพธ์ มีการเปรียบเทียบ ทำให้ข้อมูลที่ดูยิ่งยากเป็นข้อมูลที่เรียบง่ายมากขึ้น
และแน่นอนว่า ถึงแม้ Infographic จะใช้ในการสื่อสารได้ดี แต่เราก็ไม่สามารถใช้งาน Infographic ไปกับทุกๆ งานของเราได้ เราควรเลือกเนื้อหาที่เหมาะสมกับการนำเสนอแบบ Infographic ด้วย
Infographic ที่ดีนั้น จะต้องเป็นงานกราฟิกที่ดูเรียบง่าย ไม่ซับซ้อน มีเนื้อหาที่ชัดเจน กระชับ มีการสรุปผล ที่สำคัญ ผู้ที่ดูงาน Infographic นั้น จะต้องสามารถใช้เวลาที่น้อยที่สุดในการดูแล้วเข้าใจได้ทันที ซึ่งนี่คือจุดเด่นของงาน Infographic ที่ผู้ประกอบอย่างเราหากคิดจะใช้ก็ต้องเข้าใจให้ดี
3 Podcast Content Marketing
การทำการตลาดด้วย Podcast ถือเป็นรูปแบบคอนเทนต์แบบใหม่ที่กำลังได้รับความนิยมสูงในปัจจุบัน ถึงแม้ว่า การเข้าถึงคอนเทนต์รูปแบบนี้อาจจะยังมีไม่มากหรือมีข้อจำกัดด้านอุปกรณ์หรือค่าใช้จ่ายอยู่บ้าง แต่ผลลัพธ์ของการทำคอนเทนต์ด้วยรูปแบบนี้นับว่า ผู้ฟังจะสามารถรับข้อมูลได้ดีกว่าสองแบบแรกแน่นอน ที่สำคัญ การฟังคอนเทนต์ในรูปแบบ Podcast ยังมีความสะดวก ฟังได้ทุกที่ ทุกเวลา และในทุกๆ กิจกรรมอีกด้วย
สิ่งสำคัญของการทำคอนเทนต์ประเภท Podcast คือการวางแผนในการสร้างเส้นทางของคอนเทนต์ เพราะหากเรื่องราวที่สื่อสารออกไป ไม่มีอรรถรส (หรือไม่เป็นสับปะรด) ผู้ฟังก็จะไม่ฟังและอาจเลิกติดตามกันเลยทีเดียว
ข้อดีอีกหนึ่งอย่างของการทำคอนเทนต์ในรูปแบบ Podcast ก็คือ เรายังสามารถนำเอา Podcast ไปโพสต์ลงบนเว็บไซต์หรือ Social Media ของเราเพิ่มเติมได้ด้วย
4 Video Content Marketing
คอนเทนต์ในรูปแบบของ Video เป็นคอนเทนต์รูปแบบที่ได้รับความนิยมสูงสุดและเป็นที่ต้องการในปัจจุบัน เพราะการนำเสนอเนื้อหาสามารถสร้างประสบการณ์หลากหลายมิติให้กับผู้ชมได้เป็นอย่างดีและการเข้าถึงเนื้อหาก็สามารถทำได้ง่ายในปัจจุบัน หลายอุปกรณ์และหลาย Platform รองรับการนำเสนอคอนเทนต์ในรูปแบบ Video อย่างเต็มรูปแบบ
สิ่งที่ผู้ประกอบการของเราต้องเข้าใจก่อนอื่นเลย นั่นก็คือ การสร้างคอนเทนต์ในรูปแบบ Video นี้ มีต้นทุนที่สูงมากที่สุดแล้ว
การสร้างคอนเทนต์ในรูปแบบ Video มีต้นทุนทางการตลาดที่เรียกว่า มีตั้งแต่หลักพันจนถึงหลักล้านหรือหลายล้านกันเลยทีเดียว
ราคาต้นทุนที่แตกต่างกันมากขนาดนี้ หลักๆ ก็มีที่มาจากรายละเอียดในการผลิตผลงานนั่นเอง บางครั้งเวลาที่เราไปเห็นผลงาน Video สวยๆ ดีๆ แล้วอยากได้แบบนั้นบ้าง พอไปถามผู้รับจ้างผลิต ก็อาจจะเจอกับการเสนอราคาที่อาจแตกต่างกัน ซึ่งจะขอบอกเลยว่าเป็นเรื่องที่ปกติมากๆ สาเหตุก็เพราะประสบการณ์ในการวิเคราะห์งานตัวอย่าง (Reference) ของผู้รับจ้างผลิตนั้นไม่เท่ากัน
ผู้รับจ้างผลิตบางทีม อาจจะมองละเอียดลึกในรายละเอียดและขั้นตอนต่างๆ ในการทำงาน เพื่อที่จะสร้างสรรค์ผลงานให้เหมือนกับงานตัวอย่างให้มากที่สุด ในขณะที่ผู้รับจ้างผลิตบางทีม อาจจะไม่ได้ต้องการลงรายละเอียดต่างๆ มากนัก ซึ่งทำให้ต้นทุนการผลิตนั้นแตกต่างกันมากหรือน้อยก็แตกต่างกันไป
ดังนั้นเราในฐานะที่เป็นเจ้าของกิจการ เจ้าของผลงาน เวลาที่จะคุยงานการผลิต Video กับผู้รับจ้างผลิต นอกจากจะมีตัวอย่าง Video ที่ต้องการแล้ว ยังต้องสามารถบอก Budget หรือค่าใชจ่ายงานผลิตที่ต้องการให้ชัดเจนอีกด้วย เพื่อที่จะให้ทางผู้รับจ้างผลิตสามารถนำเสนองานได้ตรงตามความต้องการมากที่สุดนั่นเอง
5 Social Media Content Marketing
ต้องบอกว่า การทำการตลาด ที่มุ่งเน้นการสร้างเนื้อหาหรือคอนเทนต์ในปัจจุบัน เครื่องมือที่ดีและเหมาะสมที่สุดก็คือ Social Media ต่างๆ นั่นเอง
ข้อดีที่สุดของ Social Media ก็คือสามารถเข้าถึงผู้คนจำนวนมากได้ดีนั่นเอง
การตลาดบน โซเชียล มีเดีย คือการทำให้ผู้คนได้พบเห็นและตอบสนองต่อเนื้อหาของเราโดยตรง รวมถึงการมีส่วนร่วมกับเนื้อหาของเราในรูปแบบต่างๆ ซึ่งแน่นอนว่ายิ่งเราอยากจะให้ผู้คนพบเห็นเรามากยิ่งขึ้น ก็ยิ่งต้องออกแรงมากขึ้นด้วยนั่นเอง ซึ่งเป็นเรื่องปกติ
นอกจากนี้เมื่อมีคนเห็นคอนเทนต์เราบน โซเชียล มีเดีย หากเขามีความสนใจ ก็จะสามารถติดตามกลับไปดูข้อมูลต่างๆ เพิ่มเติมบน Website ของเราต่อได้ แลนั่นก็คือการสร้าง Traffic ให้กับ Website ของเราได้ดีวิธีหนึ่งด้วยเช่นกัน
เคล็ดลับสำคัญ
เคล็ดลับสำคัญในการสร้างคอนเทนต์ให้ประสบความสำเร็จก็คือ การที่คุณใส่ใจลงไปในทุกๆ คอนเทนต์ที่คุณได้สร้าง ไม่ว่าจะเป็นคอนเทนต์เนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องทั่วไป สาระ ความรู้ หรือแม้แต่การขายสินค้าก็ตาม ทั้งนี้ก็เพื่อให้ผู้รับชมของคุณ ได้รับรู้ในสิ่งที่คุณต้องการสื่อสารได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้นนั่นเอง
ในทางปฏิบัติ เราอาจจะต้องทำการทดลองในกลุ่มเล็กๆ ซ้ำไปซ้ำมาหลายต่อหลายรอบด้วยเช่นกัน เพื่อให้เราสามารถมองเห็นได้ว่า กระบวนการของคอนเทนต์ หรือสิ่งที่ได้ทดลองทำลงไปสิ่งไหน ได้รับความนิยมสูงสุด เพื่อที่เราจะได้นำสิ่งนั้นมาต่อยอดนั่นเอง
แหล่งข้อมูลอ้างอิง : www.semrush.com