AR & VRDigital Tech

เทคโนโลยี AR กับ VR ต่างกันอย่างไร

เทคโนโลยี AR และ VR เป็นเรื่องที่ใกล้ตัวเราทุกคนมากขึ้น จากอุปกรณ์ไอทีที่ราคาถูกลงและระบบคอมพิวเตอร์ซอฟต์แวร์ที่มีการพัฒนาโดยผู้เชี่ยวชาญทำให้ตอบโจทย์ความต้องการการใช้งานในหลากหลายด้านได้ เรามาดูกันว่าเทคโนโลยีสองด้านนี้ มีความแตกต่างกันอย่างไรบ้าง

1. อุปกรณ์เสริม

VR หรือ Virtual Reality เป็นการสร้างภาพเสมือนของสิ่งต่าง ๆ ที่ไม่มีอยู่จริงในที่นั้น ให้ปรากฏผ่านหน้าจอของเครื่องมือพิเศษ เช่น แว่นตา หรือที่ครอบศีรษะ VR ที่มีระบบการส่งคำสั่งภาพ และมีการเชื่อมต่อระบบเสียงแบบสมจริงด้วย ทำให้ VR ต้องมีอุปกรณ์เสริมสำหรับการรับประสบการณ์แปลกใหม่นี้ เช่น การเล่นเกมส์สามมิติในอวกาศจำลอง การเรียนรู้ภาษาต่างประเทศในบรรยากาศเหมือนอยู่ในประเทศนั้น ๆ ฯลฯ

ส่วน AR หรือ Augmented Reality เป็นการใช้ระบบไอทีที่ถูกพัฒนาสำหรับมือถือและแทปเล็ต จึงไม่จำเป็นต้องซื้ออุปกรณ์ใดเพิ่มเติม สำหรับการเห็นภาพจำลองของตัวการ์ตูน หรือตำแหน่งที่ตั้งของร้านค้าต่าง ๆ ผ่านระบบแผนที่ในกูเกิ้ล เพียงผู้ใช้งานอนุญาตการใช้งานของระบบนั้น ๆ ก็สามารถแสดงผลข้อมูล เป็นภาพหรือพิกัดสถานที่ต่าง ๆ ได้ทันที

2. การเห็นอย่างรอบทิศทาง

อุปกรณ์ VR ที่นิยม ได้แก่ แว่นตาที่มีระบบอินฟราเรดเชื่อมต่อ และมีการดีไซน์หน้าจอให้กว้างได้ถึง 140 องศา จึงทำให้ผู้ใช้งานเห็นภาพในมุมกว้างและเห็นภาพรวมของสถานการณ์จำลองได้มากกว่า จึงเป็นที่นิยม สำหรับการเรียนยุทธวิธีทางการทหารและตำรวจที่ต้องเตรียมพร้อมกับการรับมือผู้ก่อการร้ายที่อาจมาในทิศทางต่าง ๆ ได้

ส่วนการใช้งาน AR เนื่องจากเป็นการใช้งานผ่านโทรศัพท์มือถือหรือแทปเล็ต จึงเป็นการเห็นภาพในขอบเขตที่จำกัดกว่า แต่ก็นับว่าตอบโจทย์วัตถุประสงค์ในการใช้งานแล้ว เพราะ AR จะถูกใช้เพื่อการค้นหาข้อมูลมากกว่าเพื่อการสร้างประสบการณ์แปลกใหม่แบบการเล่นเกมส์สามมิติ

3. ราคาค่าใช้จ่าย

การสร้าง VR Content จะมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูงมาก เนื่องจากยังคงเป็นเทคโนโลยีที่ค่อนข้างใหม่ ส่วนการใช้งาน VR ให้ได้รับประสบการณ์อย่างเต็มอิ่ม จำเป็นต้องซื้ออุปกรณ์เสริม ซึ่งมีราคาตั้งแต่หลักพันถึงหลายหมื่นบาท ขึ้นกับสเปคและรุ่นของเครื่อง แต่ที่สำคัญคือ ผู้ใช้งานจะได้รับความประทับใจที่แตกต่างจากการใช้งานอุปกรณ์ไอทีอื่น ๆ อย่างแน่นอน

หลักๆ ก็จะมีค่าใช้จ่ายของการสร้าง AR Content ซึ่งมีตั้งแต่หลักพันจนถึงหลักล้านเลยทีเดียว เนื่องจากราคาจะขึ้นอยู่กับประเภทและรายละเอียดของงาน เช่น เป็นงาน 2D หรือ 3D และรายละเอียดต่างๆ ของงาน Animate นอกจากนี้ ก็จะมีในเรื่องของการใช้งาน AR มีเพียงแค่สัญญาณอินเตอร์เน็ตที่ควรใช้ระบบความเร็วสูง เพื่อการส่งผ่านข้อมูลที่รวดเร็ว และมีจุดอับสัญญาณน้อยที่สุด ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งกรณีที่ต้องเดินทาง เช่น ต่างจังหวัดหรือต่างประเทศที่ผู้ใช้งานต้องการทราบพิกัด หรือ จุดที่ตั้งของสถานที่เป้าหมายที่ต้องการไป

เทคโนโลยี AR และ VR มีความแตกต่างกันในด้านรายละเอียด แต่ก็ถูกใช้เพื่อประโยชน์ของคนส่วนใหญ่ ที่ต้องการความบันเทิงจากเกมส์ การใช้หาข้อมูลหรือพิกัดสถานที่ต่าง ๆ ก่อนการเดินทางจริง ซึ่งในระยะยาวจะมีการเติบโตไปในทิศทางใดอีกบ้าง เราต้องติดตามกันต่อไป

Facebook Comments
Show More

Pop Digital Marketing

เป้าหมายในการทำธุรกิจของผม คือช่วยให้ผู้ประกอบการและ SME ไทย สามารถประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลสำหรับธุรกิจได้อย่างคุ้มค่า

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Back to top button
error: Content is protected !!